ุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มิถุนายน 2558) กรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดให้ผู้ประกอบการค้าข้าว เข้ายื่นซองเอกสาร เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 3/2558 ปริมาณรวม 1,065,496.82 ตัน จาก 153 คลัง จาก 35 จังหวัด ทั้งนี้ เปิดให้ยื่นเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติตั้งแต่เวลา 08.30-11.30 น. พบว่ามีผู้ประกอบการเข้ายื่นเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติทั้งสิ้น 43 ราย รับว่ายังน้อยกว่าการเปิดประมูลข้าวของรัฐบาล 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยการประมูลข้าวครั้งที่ 1/2558 มีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 96 ราย และการประมูลข้าวครั้งที่ 2/2558 มีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 45 ราย โดยส่วนปริมาณข้าวที่เปิดประมูลปริมาณใกล้คียงกันทั้งสิ้น

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ยื่นซอง ก่อนจะติดประกาศรายชื่อผู้เสนอราคาซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งจะผ่านทั้ง 43 รายหรือไม่นั้น ต้องรอกรมการค้าต่างประเทศประกาศในวันที่ 16 มิถุนายน 2558 เวลา 09.00 น. พร้อมทั้งนี้ ผู้ประกอบการค้าข้าวที่ผ่านจะให้ยื่นซองเสนอซื้อในเวลา 09.00 – 10.30 น. ซึ่งจะเปิดซองเสนอซื้อในวันเดียวกัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้กำหนดให้มีการยื่นซองรวม 2 วัน ก็เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมเสนอราคาให้ถูกต้อง ก่อนการยื่นซองเสนอราคา และเป็นการป้องกันปัญหาตัวแทน (นอมินี) ให้กับบริษัทที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ไปแล้ว ซึ่งมีกรมการค้าภายใน ร่วมตรวจสอบด้วยว่าเป็นบริษัทที่ทำการค้าข้าวจริง

สำหรับชนิดข้าวที่เปิดประมูลข้าวส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว 5% และปลายข้าว แต่เมื่อแยกเป็นชนิดข้าว รวม 12 ชนิด ได้แก่ ข้าวขาว 5%, ข้าวขาว 10%, ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25%, ข้าวเหนียว 10%, ปลายข้าวขาวเอวันเลิศ, ปลายข้าวเหนียว, ข้าวท่อนปทุม, ข้าวหอมปทุม, ปลายข้าวหอมมะลิ, ข้าวท่อนหอมมะลิ, ปลายข้าวหอมปทุม ที่อยู่ในคลังขององค์การคลังสินค้า หรือ อคส. และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อตก.

สำหรับการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล 6 ครั้งที่ผ่านมา สามารถระบายข้าวไปได้แล้วกว่า 2.017 ล้านตัน รวมมูลค่ากว่า 22,374 ล้านบาท โดยยังคงเหลือข้าวในสต๊อกอยู่ประมาณ 16 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้มีข้าวคุณภาพดี อยู่ทั้งสิ้น 2.6 ล้านตัน ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการระบายข้าวในโอกาสต่อไป

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์